ศึกฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ สนาม โมฮัมเหม็ด บิน ซาเย็ด สเตเดี้ยม เป็นการเจอกันของ อัล ฮิลาล พบ เชลซี
อัล ฮิลาล มีตัวชูโรงอย่าง อิกฮาโล่ ยืนนำหน้ามารวมถึงมี เปเรย์ร่า อดีตมิดฟิลด์ของ เวสต์บรอมวิช ออกสตาร์ทด้วยอีกคน
ส่วนทางด้าน เชลซี ปรับมาเป็นแผนหลังสามและก็ ซิลวา คืนตำแหน่งแล้ว ด้านแนวรุกเลือกใช้ ฮาแวร์ตซ์ ลงตัวจริง
ผลปรากฎว่า เริ่มเกมมานาทีเดียว อัล ฮิลาล ได้ลุ้นก่อน เมื่อ มาเตอุส เปเรยร่า จ่ายไปให้ โอเดียน อีกาโล่ ยิงด้วยขวาหน้าจุดโทษไม่ตรงกรอบ
เชลซี เองก็มีโอกาสดีเช่นเดียวกัน มาเตโอ โควาซิช จ่ายไปให้ โรเมลู ลูกากู ยิงด้วยซ้ายในจุดโทษ แต่ติดเซฟ อัลดุลลาห์ อัล ไมอูฟ
สุดท้าย เชลซี ก็มาออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 32 เมื่อบอลมาเข้าทาง โรเมลู ลูกากู ยิงระยะเผาขนตุงตาข่าย
ท้ายครึ่งแรก เชลซี เกือบได้เพิ่ม ฮาคิม ซิเย็ค ลากตัดมายิงด้วยซ้าย แต่บอลไม่ผ่านมือ อัล ไมอูฟ
ครึ่งหลัง อัล ฮิลาล บากบั่นเดินหน้าบุก อีกาโล่ จ่ายไปให้ โมฮัมเหม็ด คานโน่ ยิงไกลไม่เข้าเป้า
นาทีที่ 63 อัล ฮิลาล น่าตีเสมอได้เหลือเกิน เมื่อ มาเตอุส เปเรยร่า จ่ายไปให้ มุสซ่า มาเรก้า ยิงด้วยขวาในจุดโทษ แต่ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ยังปัดออกหลังไปได้
อีก 5 นาทีต่อมา เป็นโอกาสทองของ อัล ฮิลาล อีกที คานโน่ ยิงด้วยขวาหน้าจุดโทษกำลังจะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ เกปา ก็ยังเซฟออกหลังไปได้
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่ม จบเกม เชลซี เฉือนชนะ อัล ฮิลาล 1-0 ผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับ พัลเมรัส
รายนามผู้เล่นที่ลงไปในสนาม
อัล ฮิลาล : อับดุลลาห์ อัล มายุฟ,โมฮัมเหม็ด อัล-เบรอิก,จาง ฮุน-ซู,อาลี อัลเบเลฮี,ยัสเซอร์ อัล-ชาห์รานี่,กุสตาโบ กวยยาร์,โมฮาเหม็ด คานโน,ซาเลม อัล-ดาว์ซารี่ (อังเดร การ์ริโญ่ น.81),มาเธอุส เปเรย์ร่า (ไมเคิล น.81),มุสซ่า มาเรก้า,โอเดียน อิกาโล่
เชลซี : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า,อันโตนิโอ รือดิงเกอร์,ติอาโก ซิลวา,อันเดรส คริสเตียนเซ่น,เซวาร์ อัซปิลิกวยต้า,มาเตโอ โควาซิซ,จอร์จินโญ่ (เอ็นโกโล่ ก็องเต้ น.46,มาร์กอส อลอนโซ่ (มาล็อง ซาร์ น.87),ไค ฮาแวร์ตซ์,ฮาคิม ซิเย็ค (เมสัน เมานท์ น.72),โรเมลู ลูกากู
More Stories
ปิดตำนาน 13 แชมป์ “เสาหลักแมนฯ ซิตี้” เปิดตัวทีมใหม่แล้ว หลังอำลาพรีเมียร์ลีก
ธงไทยโบกสะบัด! “พญาหงส์” สร้างประวัติศาสตร์แชมป์ K-1 มวยหญิงคนแรก
Fresh Air ผู้จัดแดงเดือดในไทย โร่แจงไม่มีบัตรซ้อม “แจ็คสัน หวัง” ยันไม่มีกิจกรรมมื้อพิเศษ เงื่อนไลฟ์ “พิมรี่พาย”